Category: Netflix

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยืนยันว่า เควิน เดอ บรอยน์ กองกลางคนสำคัญชาวเบลเยียม และ เอแดร์ซอน ผู้รักษาประตูมือหนึ่งเลือดแซมบ้า ต่างไม่พร้อมช่วยทีมในเกม เอฟเอ คัพ รอบก่อนรองชนะเลิศ ที่ทัพ "เรือใบสีฟ้า" มีคิวเปิดรัง เอติฮัด สเตเดี้ยม รับมือ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด วันเสาร์ที่ 16 มีนาคมนี้ 

เดอ บรอยน์ มีปัญหาบาดเจ็บตรงโคนขาหนีบ และล่าสุดไม่มีชื่อติดทีมชาติเบลเยียม ซึ่งมีโปรแกรมลงเตะเกมอุ่นเครื่องกับ สาธารณรัฐไอร์แลนด์ และ อังกฤษ ในวันเสาร์ที่ 23 มีนาคม และ วันอังคารที่ 26 มีนาคม ตามลำดับ 

ขณะที่ เอแดร์ซอน เจ็บกล้ามเนื้อจากจังหวะปะทะกับ ดาร์วิน นูนเญซ หัวหอก ลิเวอร์พูล ในเกมลีกนัดล่าสุดที่ "เรือใบสีฟ้า" ออกไปเสมอ ลิเวอร์พูล 1-1 ที่ แอนฟิลด์ เมื่อสุดสัปดาห์ก่อน โดยมีรายงานว่า นายทวารชาวบราซิเลียนวัย 30 ปี อาจจะต้องพักแข้งนานถึง 4 สัปดาห์เลยทีเดียว 

"เควิน ไม่พร้อมสำหรับเกมนี้ เขาเล่นทั้งที่เจ็บในเกมที่ แอนฟิลด์ แต่ตอนนี้อาการของเขากำลังดีขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเราก็ได้คุยกับทางทีมชาติเบลเยียมแล้ว และผมก็ดีใจกับการตัดสินใจของ โดเมนิโก เตเดสโก (กุนซือทีมชาติเบลเยียม) เพราะ เควิน ไม่พร้อมจริงๆ ดังนั้นตอนนี้มันจึงเป็นโอกาสที่เขาจะได้ฟื้นตัวกลับมา เพื่อช่วยทีมในช่วงที่เหลือของฤดูกาล"

"ส่วน เอแดร์ซอน อาการดูดีขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน ซึ่งผมก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า เขาจะพร้อมหลังช่วงเกมทีมชาติ และแน่นอน เขาไม่พร้อมสำหรับเกมในวันพรุ่งนี้" ยอดกุนซือชาวสแปนิชวัย 53 ปี กล่าวในงานแถลงข่าวก่อนเกม เมื่อวันศุกร์ที่ 15 มีนาคม 

อย่างไรก็ตาม แมนฯ ซิตี้ จะได้ แจ็ค กรีลิช ปีกจอมพลิ้ว กลับมาช่วยทีมในเกมวันเสาร์นี้ หลังจากที่พักแข้ง 3 นัดติด เพราะปัญหาบาดเจ็บโคนขาหนีบ 

"ใช่ แจ็ค ดีขึ้นแล้ว และเขาจะถูกเลือกอยู่ในทีมสำหรับเกมนี้" นายใหญ่ แมนฯ ซิตี้ ระบุ

เจมี่ คาร์ราเกอร์ อดีตยอดกองหลังของ ลิเวอร์พูล บอกกับ ริโอ เฟอร์ดินานด์ ว่าต่อให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะผ่าน "หงส์แดง" ในรอบก่อนรองชนะเลิศของศึก เอฟเอ คัพ ได้ แต่เดี๋ยวก็จะไปแพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในนัดชิงชนะเลิศอยู่ดี

"ปีศาจแดง" เข้าสู่รอบรองชนะเลิศแบบสุดระทึกจากการชนะ ลิเวอร์พูล 4-3 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ โดยในรอบตัดเชือกนั้นพวกเขาจะไปเจอกับ โคเวนทรี ซิตี้ ทีมจาก เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ส่วนรอบรองชนะเลิศอีกคู่เป็นการดวลกันระหว่าง แมนฯ ซิตี้ กับ เชลซี

ทั้งนี้ หลังจบเกมนั้น ริโอ ก็ฉลองชัยชนะด้วยการโพสต์ทั้งภาพ แรชฟอร์ด และภาพตอนที่ตัวเองเคยตะโกนฉลองใส่ คาร์ราเกอร์ สมัยที่ทั้งคู่ยังเล่นอยู่ ซึ่งมันก็ทำให้อดีตแข้ง ลิเวอร์พูล พิมพ์ตอบไปว่า "ใจเย็นพวก เดี๋ยว แมนฯ ซิตี้ ก็เอาชนะนายได้แบบสบายๆ ในรอบชิงชนะเลิศอยู่ดี และ อีทีเอช (หมายถึง เอริค เทน ฮาก) ก็จะยังอยู่ในตำแหน่งต่อไปในฤดูกาลหน้า นี่ไม่ใช่ชัยชนะที่หอมหวานเหมือนที่นายคิดหรอกนะ!"

คาร์ราเกอร์ บอกด้วยว่าเกมนี้ ลิเวอร์พูล เล่นได้ไม่ดีเอง โดยเฉพาะแนวรุก "มันเป็นเกมที่น่าเหลือเชื่อ และเป็นผลการแข่งขันที่ยอดเยี่ยมสำหรับ แมนฯ ยูไนเต็ด แต่ ลิเวอร์พูล ทำได้แค่โทษตัวเองเท่านั้น พวกเขาทำได้ 3 ลูกก็จริง แต่บรรดาแนวรุกก็ยังถือว่าทำผลงานได้น่าผิดหวังมากๆ อยู่ดี ถึงกระนั้นผมก็คงไม่สามารถตำหนิอะไรมากนักได้ เพราะพวกเขาทำผลงานได้ยอดเยี่ยมมาตลอดทั้งฤดูกาล ฟุตบอลนี่มันบ้าจริงๆ!"

ค็อบบี้ ไมนู ทำผลงานได้อย่างเหลือเชื่ออีกครั้งเมื่อวันอาทิตย์ ในเกม เอฟเอ คัพ รอบก่อนรองชนะเลิศ ที่ ลิเวอร์พูล ออกไปแพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3-4 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

กองกลางวัย 18 ปีรายนี้กลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นชุดใหญ่ ที่ดูดีที่สุดของสโมสรภายใต้การนำของ เอริค เทน ฮาก

โดยและหลังจากได้ดูสตาร์ดาวรุ่งรายนี้ทำผลงานในการเจอกับ ลิเวอร์พูล แฟนบอล แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็ใฝ่ฝันที่จะได้ ไมนู มาอยู่กับพวกเขา โดยสะท้อนจากความเห็นในโลกออนไลน์ต่อไปนี้

Sku_chiess (ปฏิกิริยาทั้งหมดผ่าน Twitter): “ผู้เล่นแบบ ไมนู เหมากับการไปที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ หรือ มาดริด เขาไม่ใช่ผู้เล่นระดับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

renkai_7: “ยอมทำทุกอย่างเพื่อ ไมนู มาที่ แมนฯซิตี้ เป๊ปจะทำสิ่งมหัศจรรย์กับเขา”

0161Darren: "ฉันไม่ได้เป็นแฟนเขาด้วยซ้ำ แต่ ไมนู เหมาะกับซิตี้มาก น่าเสียดายที่มันจะไม่เกิดขึ้น ใส่เขาลงในทีมชาติอังกฤษ เขาพร้อมแล้ว ฉันไม่แคร์อะไรทั้งสิ้น"

Bolxhwtf: “ถ้า ไมนู จริงจังกับอาชีพค้าแข้งของเขา เขาควรมาที่ อาร์เซน่อล หรือไม่ก็ไป แมนฯ ซิตี้”

สเปอร์ส บุกมาแพ้ทีมร่วมเมืองแบบไม่มีชิ้นดี และเป็นเกมหนึ่งที่พวกเขาเล่นกันได้อย่างน่าผิดหวังถึงขนาดหัวหอกทีมชาติเกาหลีใต้ให้สัมภาษณ์กับสื่อหลังเกมจวกทั้งตัวเองและเพื่อนนักเตะที่ร่ายฟอร์มได้ต่ำกว่ามาตรฐานทั้งๆที่นัดก่อนพวกเขาเพิ่งโชว์ฟอร์มสุดยอดบุกไปถล่ม แอสตัน วิลล่า กระเจิง 4-0

"มันน่าผิดหวัง และน่าโมโห ทุกคนต้องส่องกระจก และบอกว่า "มันเป็นความผิดพลาดของฉัน" สตาร์พลังโสมเอ่ย

"มันไม่ดีพอ เราไม่มีความพยายามอย่างที่เราเคยมีในซีซั่น ฟอร์มการเล่นและทัศนคติไม่ดีพอ ทุกคนจำเป็นต้องตื่น"

"ในเกมพรีเมียร์ลีก หากคุณไม่พร้อมคุณจะโดนลงโทษ แอสตัน วิลล่า เป็นทีมที่น่าทึ่งเช่นเดียวกับ ฟูแล่ม หากคุณไม่ทุ่มเท 100% คุณจะโดนลงโทษ คุณไม่สามารถคว้าสามแต้มได้แบบฟรีๆ"

"มันเป็นการก้าวถอยหลัง เราจำเป็นต้องก้าวไปข้างหน้ากันใหม่ มันไม่อาจยอมรับได้รวมทั้งผมเองด้วย เราเป็นตัวแทนของ สเปอร์ส ทีมในพรีเมียร์ลีก"

"เราเล่นได้ไม่ใกล้เคียงกับที่เราเล่นได้ในซีซั่นนี้ มันน่าเศร้าที่ได้เห็น แฟนบอลไม่สมควรได้รับ"

"ความปราชัยในลักษณะนี้เป็นเรื่องที่น่าลำบากใจ นักเตะท้อแท้กันมาก"

โปเช็ตติโน่ พาทีม เชลซี  เปิดบ้านคว่ำ เลสเตอร์ ทีมจาก แชมเปี้ยนชิพ ได้ด้วยสกอร์ 4-2 ทั้งๆที่นำไปก่อน 2-0 และต้องอาศัยสองประตูในช่วงทดเวลาเขี่ย เดอะ ฟ็อกซ์ ตกรอบแปดทีมเมื่อวันอาทิตย์ที่ 17 มี.ค. หลังจากทีมเยือนเหลือนักเตะสิบคน

"ฟุตบอลเป็นอย่างนี้ มันเป็นความงดงามของ เอฟเอคัพ แต่ก่อนอื่นเราสมควรได้เข้ารอบรองขนะเลิศ" นายใหญ่อาร์เจนไตน์กล่าวก่อนเสริมถึง ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ที่โดนแฟนบอลโห่ใส่

"เราจำเป็นต้องสนับสนุนเขา เขาเป็นนักเตะที่น่าทึ่ง เขามีประสบการณ์ใน พรีเมียร์ลีก มากกว่าสิบปี แน่นอนผมคิดว่าการมีส่วนร่วมของเขายอดเยี่ยมมาก เขาโชคร้ายเล็กน้อยในบางจังหวะที่เขาน่าจะยิงประตูได้ แต่เรามีทีมที่ดี และเราต้องการทุกคน"

"แฟนบอลมีสิทธิ์แสดงอารมณ์ สำหรับเรา เราพยายามเน้นย้ำแฟนบอลว่าอย่าวิจารณ์ พวกเขาต้องการสิ่งที่ดีที่สุดจากทีมและนักเตะ แต่เรายังอยู่ในกระบวนการ เราต้องการการสนับสนุนและความเชื่อมั่น เรากำลังพยายามสร้างบางสิ่ง"

"เราอยู่ในขั้นตอนของการสร้างทีม ผมรู้ดีว่าจะต้องจัดการยังไง สิ่งที่แฟนบอลต้องการคือชัยชนะ และความสำเร็จ แฟนบอลต้องการไปที่ เวมบลีย์ และเราทำได้ พวกเขาจำเป็นต้องเชื่อมั่นการคุมทีมตามแนวทางของผมที่ผมคิดว่าดีที่สุดสำหรับสโมสร"

"เราจำเป็นต้องเคารพความเห็นของเขาให้มากที่สุดเท่าที่พวกเขาต้องเคารพการตัดสินใจของผมเช่นกัน" พอช ทิ้งท้าย

เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ผู้จัดการทีม เชลซี สโมสรดังของศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ กล่าวว่าทุกคนที่เกี่ยวข้องกับ "สิงห์บลูส์" จำเป็นต้องยอมรับความจริงถ้าหากสุดท้ายแล้วในฤดูกาลหน้าทีมได้สิทธิ์เล่นแค่รายการ ยูฟ่า คอนเฟอเรนซ์ ลีก

ปัจจุบัน เชลซี อยู่ในอันดับที่ 11 ของตารางคะแนน แต่แต้มของพวกเขาก็ไม่ถือว่าอยู่ห่างจากทีมในกลุ่มที่ได้ลุ้นโควตาถ้วยยุโรปมากนัก หลังเก็บไปแล้ว 39 คะแนนจากการลงเล่น 27 นัด

หากนับเฉพาะอันดับในลีก ตอนนี้สิทธิ์การได้เล่น คอนเฟอเรนซ์ ลีก มันอยู่ที่อันดับ 6 หรือก็คือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่มี 47 คะแนนจาก 28 เกม แต่มันก็มีสิทธิ์ที่โควตานั้นจะกลายเป็นทีมในอันดับ 7 โดยขึ้นอยู่กับแชมป์และรองแชมป์ของ เอฟเอ คัพ ซึ่งตอนนี้อันดับ 7 ใน พรีเมียร์ลีก ได้แก่ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ที่ลงเล่นไปแล้ว 28 นัดพร้อมกับมี 43 คะแนน มากกว่า เชลซี เพียงแค่ 4 แต้มเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม บางคนมองว่า คอนเฟอเรนซ์ ลีก มันเป็นรายการที่ไม่ยิ่งใหญ่มากเท่าไหร่นักและไม่คู่ควรกับบรรดาสโมสรชื่อดัง ซึ่ง โปเช็ตติโน่ ไม่คิดแบบนั้น โดยเขาบอกว่ามันจำเป็นต้องให้ความเคารพกับรายการดังกล่าวด้วย

"เราต้องยอมรับความจริง ถ้าเกิดพอจบฤดูกาลนี้แล้วเราได้สิทธิ์เล่น คอนเฟอเรนซ์ ลีก ในซีซั่นหน้าแล้วล่ะก็ เราก็ต้องยอมรับมันและให้ความเคารพรายการนั้น รวมถึงพยายามคว้าแชมป์รายการที่ว่าให้ได้ เราจำเป็นต้องยอมรับความจริงให้ได้ ที่จริงรายการนั้นก็ถือเป็นรายการระดับนานาชาติ ผมจะไม่พูดอะไรมากไปกว่านี้" กุนซือชาวอาร์เจนไตน์ ระบุ

อาร์เซน่อล ประสบความสำเร็จผ่านเข้ารอบแปดทีมฟุตบอล แชมเปี้ยนส์ลีก ได้สำเร็จด้วยการเอาชนะ ปอร์โต้ ในการดวลลูกโทษตัดสินเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา และรอลุ้นผลการประกบคู่รอบแปดทีมในวันศุกร์นี้

สำหรับทีมที่ได้ผ่านเข้ารอบถ้วยบิ๊กเอียร์ล้วนเป็นสโมสรยักษ์ใหญ่ทั้งสิ้นอาทิ บาร์เซโลน่า , แอตเลติโก มาดริด , บาเยิร์น มิวนิค , ปารีส แซงต์ แชร์กแมง และ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์

กระนั้นก็ดี อดีตหัวหอกทีมชาติ ฝรั่งเศส ตั้งความหวังว่า อาร์เซน่อล จะหลีกเลี่ยงสองทีมแกร่งอย่าง แมนฯ ซิตี้ และ เรอัล มาดริด ได้หากหวังที่จะผ่านเข้าสู่รอบตัดเชือกพร้อมชี้ เสือเหลือง เป็นทีมที่อ่อนที่สุดในรอบนี้

"ผมจำได้ว่าตอนที่เราจับสลากพบกับ เรอัล มาดริด ทุกคนพากันหัวเราะเพราะพวกเขาบอกว่า "อาร์เซน่อล เป็นทีมที่คุณต้องการ" ยูเว่ ก็บอกว่า "มันเป็นผลการจับสลากที่ดีสำหรับ ยูเว่" จากนั้นเราเล่นกับ บียาร์เรอัล ซึ่งเป็นทีมที่ดีในตอนนั้น และพวกเขาบอกว่า "เป็นเรื่องดีที่ได้เล่นกับ อาร์เซน่อล" อองรี เอ่ยกับ ซีบีเอส สปอร์ตส์ เมื่อ 14 มี.ค.

"ผมแค่อยากจะบอกว่าคุณไม่ควรขาดความเคารพในยุโรป มีสองทีมที่อาจเย่อหยิ่งคือ เรอัล มาดริด และ แมนฯ ซิตี้ นอกนั้นคุณพอจะเลือกต่อกรได้ แมนฯ ซิตี้ เป็นทีมที่เอาชนะได้ยากสำหรับผม ผมรู้จัก เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เขารู้วิธีคว้าผลลัพธ์"

"สำหรับผมในฐานะนักเตะ ผมเคยอยู่ในสถานการณ์หลายครั้งที่พอจะรู้ว่าบางครั้งทีมที่เล่นด้วยได้ง่ายไม่ได้เป็นอย่างนั้นเสมอไป ผู้คนอาจคิดว่า "คุณจะชนะได้ไม่ยาก" แต่มันไม่เป็นอย่างนั้นเสมอไป แมนฯ ซิตี้ คือแชมป์ และ เรอัล มาดริด เรารู้ว่าพวกเขาได้แชมป์ 14 สมัย ต้องรอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น"

อาร์เซน่อล สโมสรจ่าฝูง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้กำหนด วิคตอร์ เกียวเคเรส กองหน้าคนเก่ง สปอร์ติ้ง ลิสบอน เป็นเป้าหมายอันดับหนึ่งในการเสริมทัพแดนหน้าของสโมสรช่วงซัมเมอร์นี้ ตามรายงานจากเว็บไซต์ footballtransfers.com เมื่อวันพุธที่ 13 มีนาคม ที่ผ่านมา  

เชื่อกันว่า มิเกล อาร์เตต้า ผู้จัดการทีม อาร์เซน่อล เตรียมลุยตลาดช่วงหน้าร้อนนี้ เพื่อหากองหน้าคนใหม่ เนื่องจากกองหน้าตัวเป้าของทีมมีสถิติการทำประตูไม่เป็นที่น่าพอใจนัก โดยสองดาวซัลโวสูงสุดของทีมตอนนี้กลับกลายเป็นสองนักเตะในตำแหน่งปีกอย่าง บูคาโย ซาก้า (16 ประตู) และ เลอันโดร ทรอสซาร์ (11 ประตู)

ก่อนหน้านี้ อาร์เซน่อล มีข่าวเกี่ยวโยงกับทั้ง ไอแวน โทนีย์ หัวหอกดาวดัง เบรนท์ฟอร์ด และ วิคเตอร์ โอซิมเฮน ดาวยิงเนื้อหอม นาโปลี แต่ล่าสุด footballtransfers.com ระบุว่า ตอนนี้ "ไอ้ปืนใหญ่" ได้มอง เกียวเคเรส เป็นเป้าหมายหลักเรียบร้อย หลังจากที่ทีมงานแมวมองของสโมสรจับตาดูฟอร์ม สตาร์ทีมชาติสวีเดนวัย 25 ปี มาตลอดช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา

สำหรับฤดูกาลนี้ เกียวเคเรส ซึ่งเพิ่งย้ายมาจาก โคเวนทรี ซิตี้ เมื่อช่วงซัมเมอร์ปีก่อน โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมสุดๆ โดยลงเล่นให้ สปอร์ติ้ง ลิสบอน ไปแล้วรวมทุกรายการ 37 นัด ทำได้ถึง 33 ประตู กับ 12 แอสซิสต์ และถือเป็นหนึ่งในกำลังสำคัญที่ช่วยสโมสรนำเป็นจ่าฝูงในตารางคะแนน พรีเมรา ลีกา ขณะนี้ 

ทั้งนี้ มีรายงานว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังจ้องที่จะเซ็นสัญญากับ เกียวเคเรส เช่นกัน โดยนักเตะมีค่าฉีกสัญญาอยู่ที่ 100 ล้านยูโร (ประมาณ 3,900 ล้านบาท)

เวลานี้ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ กำลังดำเนินเข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาล 2023/24 แล้ว ซึ่งตอนนี้เหลือแค่ 3 ทีมที่กำลังเบียดแย่งลุ้นแชมป์กันอย่างเข้มข้นทั้ง อาร์เซน่อล, ลิเวอร์พูล และ แมนฯ ซิตี้  หลังมีคะแนนบี้กันมาติดๆ 

สัปดาห์ที่ผ่านมา "ปืนใหญ่" เพิ่งจะขยับแซง ลิเวอร์พูล ขึ้นไปนำเป็นจ่าฝูงได้สำเร็จจากการเอาชนะ เบรนท์ฟอร์ด 2-1 รวมถึงการที่ "หงส์แดง" สะดุดเสมอ "เรือใบสีฟ้า" 1-1 เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา 

จากสถานการณ์ดังกล่าวทำให้ล่าสุดสองกูรูคนดังทั้ง รอย คีน และ เจมี่ คาร์ราเกอร์ ออกมาแสดงทรรศนะว่าใครมีโอกาสจะไปถึงแชมป์พรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้มากที่สุด โดยที่ตำนานผีแดงเชื่อว่าจะเป็นปีที่ลุ้นกันอย่างสูสีและ อาร์เซน่อล จะอยู่ในวงโคจรลุ้นแชมป์ไปจนจบฤดูกาล 

"หากย้อนไปเมื่อซีซั่นที่แล้ว ผมไม่มีข้อสงสัยเลยว่าสุดท้าย แมนซิตี้ จะคว้าแชมป์ไปครอง" คีน กล่าวผ่าน สกาย สปอร์ต 

"แต่ในตอนนี้ผมมีความกังวลกับพวกเขานิดหน่อยกับผลงานที่เจอ ลิเวอร์พูล ในวันนี้ และเมื่อคุณมองไปที่ อาร์เซน่อล ในเรื่องสภาพร่างกายของนักเตะ เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว พวกเขากลายเป็นทีมที่แข็งแกร่งกว่าเดิมมาก ดังนั้นผมไม่เชื่อว่าเขาจะหลุดวงโคจรลุ้นแชมป์ไปก่อน"

"แน่นอนว่า อาร์เซน่อล จะเรียนรู้จากฤดูกาลที่แล้ว โดยเฉพาะการซื้อตัวนักเตะใหม่เข้ามาที่มาสร้างความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น ผมมองไปที่ อาร์เซนอล ทัศนคติของพวกเขาที่ดูพร้อมสำหรับความท้าทาย ดังนั้นผมไม่รู้ว่าปีนี้จะเลือกใครดี”

ขณะที่ คาร์ราเกอร์ ยังเชื่อว่า แมนฯ ซิตี้ มีความเป็นไปได้ทีจะคว้าแชมป์มากที่สุด "ผมคิดว่าหาก แมนซิตี้ เอาชนะ อาร์เซน่อล ได้ พวกเขาจะเป็นตัวเต็งที่แข็งแกร่งสุดๆ"

"อย่างไรก็ตามหาก อาร์เซน่อล บุกไปเก็บแต้มได้จาก แมนซิตี้ เราคงมองไปในทิศทางเดียวกัน"

“ผมรู้สึกว่า อาร์เซน่อล และ ลิเวอร์พูล ต้องการช่องว่าง 3 หรือ 4 แต้มในช่วง 5-6 เกมหลังสุดของฤดูกาล หากพวกเขาต้องการโค่นล้ม ซิตี้”

มาร์ค แคล็ตเท่นเบิร์ก อดีตกรรมการคนดังของเกมระดับ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ แสดงความเห็นว่า ลิเวอร์พูล ควรจะได้ลูกจุดโทษในเกมล่าสุดที่เปิดรัง แอนฟิลด์ เสมอกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 1-1 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 10 มีนาคม ที่ผ่านมา

นัดดังกล่าวเกิดประเด็นร้อนในช่วงท้ายเกมเมื่อ เฌจเรมี่ โดกู ดาวเตะ แมนฯ ซิตี้ มีจังหวะยกเท้าสูงจนไปประทับเข้าที่หน้าอกของ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ตอนที่ทั้งคู่อยู่ในกรอบเขตโทษ แต่สุดท้ายกรรมการ ไมเคิ่ล โอลิเวอร์ ก็ปล่อยผ่านไป ส่วนทีมงาน วีเออาร์ ก็ไม่มีการแย้งเข้ามา ซึ่งมันทำให้ เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล โมโหสุดๆ

แคล็ตเท่นเบิร์ก กล่าวกับ เดลี่ เมล สื่อของเมืองผู้ดีว่า "ลิเวอร์พูล ควรได้ลูกจุดโทษในช่วงทดเวลาบาดเจ็บของเกมที่เจอกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นั่นคือปัญหาของ พรีเมียร์ลีก ในตอนนี้ บรรดากรรมการมีจังหวะตัดสินผิดพลาดในเกมต่างๆ และพวกเาก็ไม่ได้รับการช่วยเหลือที่ดีพอจากทีมงาน วีเออาร์ ในแต่ละนัด"

"บอลมันกระดอนขึ้นมา อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ขยับเข้าไปหาบอล ส่วนเท้าของ เฌเรมี่ โดกู ก็ถูกยกขึ้นมาสูงมากๆ จนไปโดนหน้าอกของ แม็ค อัลลิสเตอร์ ถ้ามันเกิดจังหวะแบบนี้นอกกรอบเขตโทษแล้วล่ะก็ มันก็จะเป็นลูกฟรีคิกแบบไร้ข้อกังขา แค่เพราะมันเป็นการทำฟาวล์ในกรอบเขตโทษมันก็ไม่ได้หมายความว่ามันเป็นการเข้าสกัดที่ถูกต้องตามกฎ เช้าวันจันทร์นี้ แม็ค อัลลิสเตอร์ อาจจะต้องมานั่งเล่นต่อจุดบนหน้าอกของเขาก็ได้"

"นี่เป็นจังหวะที่ควรจะเป็นลูกจุดโทษอย่างชัดเจน ไม่ต้องสนเลยว่ามันจะเป็นเกมใหญ่รึเปล่า หรือว่ามันเกิดขึ้นในนาทีที่ 98 หรือไม่ กรรมการ ไมเคิ่ล โอลิเวอร์ ตัดสินพลาดในช่วงท้ายของเกมที่เขาต้องทำงานหนักจนหมดแรง ดังนั้นมันจึงเป็นหน้าที่ของทีมงานวีเออาร์ซึ่งนำโดย สจ๊วร์ต แอ็ตเวลล์ ที่ต้องเข้ามาช่วย"

"ตรงนี้แหละที่มันน่าหงุดหงิด สุดสัปดาห์นี้มันก็เกิดกรณีแบบเดียวกันมาแล้วจากการที่ทีมงาน วีเออาร์ ที่อยู่ ณ สแตนลี่ย์ พาร์ค ควรจะแจ้งให้กรรมการในสนามรู้ว่าพวกเขาพลาดจังหวะที่ควรจะเป็นลูกจุดโทษหรือแจกใบแดง แต่สุดท้ายก็ไม่มีการทำแบบนั้น คุณต้องไปดูรายการทาง แมตช์ ออฟ เดอะ เดย์ 2 จะได้เห็นว่าเกมอื่นๆ มันมีการตัดสินพลาดแบบไหน ส่วนจังหวะนี้น่ะทุกคนเห็นได้ชัดเจนว่า ลิเวอร์พูล ควรจะได้ลูกจุดโทษ ยกเว้นก็แต่ทีม วีเออาร์ ล่ะนะ และสิ่งที่กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในช่วงเวลาสำคัญๆ ของเกมก็คือความเห็นของคนที่เป็นผู้ตัดสิน"